เมนู

อารัมภกถา


เมื่อพระอรรถกถาจารย์ผู้มีนามชื่อว่า ติปิฎกจุฬาภยเจ้าตั้งไว้ซึ่งประณามคาถาใน
ต้นพระคัมภีร์ดังนี้ จึงยกวาระพระบาลีลำดับไว้ว่า เตน โข ปน สมเยน พุทฺโธ ภควา
มหาปรินิพฺพานสมเย กุสินารายํ คนฺตฺวา มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ
แปลความว่า ในกาลครั้ง
หนึ่งนั้น พุทฺโธ ภควา สมเด็จพระภควันตบพิตรพุทธสัมพพัญญูเจ้า วันเมื่อพระพุทธองค์เจ้าจะ
เข้าสู่พระมหาปรินิพพาน จึงเสด็จคมนาการมาสู่กรุงกุสินาราบุรี มีพระภิกษุสงฆ์ที่ตาม
เสด็จพระพุทธดำเนินมา มหตา จะคณนานับนั้นเป็นอันมาก สมเด็จพระผู้ทรงสวัสดิภาคเจ้า
จึงเสด็จเข้าประทับอาศัยอยู่ที่สวนพระอุทยาน แห่งพระยามัลลราชทั้งหลาย อันอยู่ในกรุง
กุสินาราราชธานีนั้น และพระแท่นมีในส่วนพระอุทยานนั้น มีพระเขนยไปข้างทิศอุดรอยู่ใน
ระหว่างนางรังทั้งคู่ สมเด็จพระสัพพัญญูเจ้าจึงเสด็จเข้าประทับบรรทมอยู่เหนือพระแท่นนั้น
อันสมเด็จพระมหากรุณานี้ประกอบไปด้วยพระพุทธอัชฌาสัย ใช่ว่าพระองค์จะตรงเข้าไปประทับ
อยู่ที่พระแท่นนั้นก่อนนั้นหามิได้ พระองค์มีพระพุทธฎีกาตรัสใช้ให้พระอานนท์ เข้าไป
ถวายพระพรแก่พระยามัลลราช พระยามัลลราชจึงเสด็จมาทูลอนุญาตอาราธนาให้พระองค์ทรง
ไสยาสน์เหนือพระแท่นนั้น เนื้อความนี้มีวิตถารอยู่ในมหาปรินิพพานสูตรแล้ว ท่านยกมาว่าใน
ที่นี้แต่ สังเขปพอเป็นใจความเมื่อยามจะใกล้เข้าสู่พระมหาปรินิพพานสมเด็จพระโลกุตตมาจารย์
ทรงพระอาพาธทุพพลภาพเพียบลงๆ จึงมีพระพุทธฎีกาตรัสแก่สงฆ์ทั้งปวงว่า อามนฺตยามิโว
ภิกฺขเว ขยวยธมฺมา สงฺขารา อปฺปามาเทน เสมฺปาเทถาติ. ภิกฺขเว
ดูกรภิกขุทั้งหลาย ตถาคต
นี้จะอำลาท่านทั้งปวงแล้ว สงฺขารา อันว่าสังขาร คือ ปุญญาภิสังขาร และ อปุญญาภิสังขาร
และอเนญชาภิสังขาร ปุญญาภิสังขารได้แก่สังขารธรรม อันกุศลตามตกแต่งให้เกิดในสุคติคือ
สวรรค์ทั้ง 6 ชั้น และเกิดเป็นมนุษย์มีบุญบริบูรณ์ด้วยรูปโฉมนั้นก็ดี อปุญญาภิสังขารนั้น ได้แก่
สังขารฝ่ายบาป อันอกุศลตามตกแต่งร่างกายจิตและเจตสิก ให้สัตว์เกิดในอบายภูมิ 4 มนุษย์
ทุคติ จะเกิดมาเป็นมนุษย์เล่าก็เป็นคนอดอยากตามืดและหูหนักเป็นมาแต่กำเนิด เป็นง่อยเป็น
เปลี้ยเสียรูปเสียร่าง มีอินทรีย์วิกลต่าง ๆ ก็ดี อเนญชาภิสังขารนั้นได้แก่สังขารอันตามแต่ง
บุคคลที่ได้รูปฌาน 4 และอรูปฌาน 4 อันให้อุบัติบังเกิดในรูปพรหมและอรูปพรหมนั้นก็ดี
อันว่าสังขารธรรมทั้งหลายนี้ ขยวยธมฺมา มีแต่ว่าเกิดมาแล้วก็จะทำลายไปไม่เที่ยงไม่แท้
แปรปรวน เป็นอนิจจังทุกขังอนัตตา สมฺปาเทถ ท่านทั้งหลายจงยังอัปปมาทธรรมให้บริบูรณ์
อุตสาหะปรนนิบัติจำเริญเมตตาภาวนาอย่าได้ประมาทลืมตนเมื่อสมเด็จพระทศพลตรัสอำลาสงฆ์
สั่งสอนให้ปลงสติปัญญาเป็นธรรมสังเวชดังนี้ พระภิกขุที่จิตเป็นโลกีย์นั้นกลั้นความโศกมิได้
แสนที่ว่าจะอาลัยเหลือกำลัง คิดถึงโอวาทสมเด็จพระบรมโลกนาถสั่งก็ไหลหลั่งถั่งธาราน้ำตาตก